มอร์แกน สแตนลีย์ออกบทวิเคราะห์ "Beyond the G20" ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ภายในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ถ้าหากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงย่ำแย่ลง และส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ดัชนี S&P 500 จะดิ่งลงสู่ระดับ 2,400 จุด หรือทรุดตัวลงเกือบ 500 จุด หรือ 17% จากระดับปัจจุบัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีจะร่วงลงสู่ระดับ 1.75% ในปีนี้ โดยปรับตัวลง 0.33% จากระดับปัจจุบัน
ทั้งนี้ ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 18-19 มิ.ย.
อย่างไรก็ดี FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 97% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.