คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติ 9-1 เสียงในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เป็นกรรมการเฟดเพียงคนเดียวที่ลงมติให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง
ทั้งนี้ จากจำนวนกรรมการเฟดทั้งหมด 17 ราย จำนวนเกือบครึ่งหนึ่งสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดย 7 รายสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่ 1 รายสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง และ 1 รายสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง ส่วนอีก 8 รายคาดว่าไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ เฟดได้คงตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ระดับ 2.1% ในปีนี้ และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.0% จากเดิมที่ 1.9% ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวในปี 2564 ที่ระดับ 1.8% และคงตัวเลขอัตราการขยายตัวในระยะยาวที่ระดับ 1.9%
ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดตัวเลขอัตราการว่างงานในปีนี้สู่ระดับ 3.6% จากเดิม 3.7% ส่วนตัวเลขในปี 2563 และ 2564 ได้ปรับลดลงสู่ระดับ 3.7% และ 3.8% ตามลำดับ จากเดิมที่ระดับ 3.8% และ 3.9% ขณะที่ปรับลดตัวเลขว่างงานในระยะยาวสู่ระดับ 4.2% จากเดิมที่ 4.3%
แถลงการณ์เฟดระบุว่า เฟดจะดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจกำลังมีการขยายตัวติดต่อกันเกือบ 10 ปี
นอกจากนี้ เฟดยังได้ตัดคำว่า "อดทน" ออกจากประโยค "เฟดจะใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการตัดสินใจปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย" ตามที่ปรากฎในแถลงการณ์ฉบับก่อนหน้านี้
เฟดระบุว่า ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้น