ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในช่วงไตรมาส 2 สู่ระดับ 0% เมื่อเทียบรายไตรมาส จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนที่แล้วที่ระดับ 0.2% โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ และการที่อังกฤษอาจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง
"ความตึงเครียดทางการค้าระดับโลกได้เพิ่มขึ้น ขณะที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นของการเกิด Brexit แบบไม่มีการทำข้อตกลง" แถลงการณ์ BoE ระบุ
ทั้งนี้ นายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ และอดีตนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เป็นตัวเก็งในการชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ ซึ่งจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของอังกฤษโดยอัตโนมัติ
นายจอห์นสันกล่าวก่อนหน้านี้ว่า อังกฤษจะต้องแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 31 ต.ค. แม้ว่าจะไม่มีการทำข้อตกลงก็ตาม
BoE จัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้ โดย BoE มีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษแตะระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของ BoE
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มีการขยายตัว 2.0% ในเดือนพ.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย.
ONS ระบุว่า การชะลอตัวของดัชนี CPI ได้รับผลกระทบจากการลดลงของราคาในภาคขนส่ง หลังจากที่พุ่งขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ขณะที่ราคารถยนต์ และเสื้อผ้าได้ปรับตัวลงเช่นกัน
นักวิเคราะห์ระบุว่า การชะลอตัวของดัชนี CPI จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันของ BoE ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี CPI แตะระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของ BoE
ก่อนหน้านี้ ดัชนี CPI พุ่งแตะระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย.2560 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี จากการอ่อนค่าของปอนด์ หลังจากที่อังกฤษทำประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เงินเฟ้อทะยานขึ้น BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.2560 และเดือนส.ค.ในปีที่แล้ว