นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ โดยได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังได้ยืนยันว่า เขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ว่าได้รับการเรียกร้องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ต่อข้อถามของนางแม็กซีน วอเตอร์ส ประธานคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ที่ว่า "ถ้าคุณได้รับโทรศัพท์จากท่านประธานาธิบดีในวันนี้ และเขาพูดว่า 'ผมขอปลดคุณออก เชิญคุณไปเก็บของ และออกไปได้แล้ว' คุณจะทำอย่างไร" นายพาวเวลตอบว่า "แน่นอน ผมจะไม่ลาออก"
นอกจากนี้ นายพาวเวลระบุว่า เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ปัจจัยลบหลายประการ เช่น ความตึงเครียดทางการค้า และความวิตกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก กำลังถ่วงแนวโน้มเศรษฐกิจ
แถลงการณ์ยังระบุว่า การลงทุนของภาคธุรกิจในสหรัฐได้ชะลอตัวลงในระยะนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ระดับ 2%
"มีความเสี่ยงที่ภาวะเงินเฟ้อที่อ่อนแอจะยังคงดำเนินต่อไปนานกว่าที่เราคาดการณ์ไว้" นายพาวเวลกล่าว
ประธานเฟดตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวค่อนข้างดีในไตรมาสแรก ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ดีดตัวขึ้นในไตรมาส 2 หลังจากปรับตัวอย่างอ่อนแอในไตรมาสแรก
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลระบุว่า "เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐได้ชะลอตัวลงในไตรมาส 2 ขณะที่กรรมการเฟดมีความเห็นพ้องกันว่า มีปัจจัยสนับสนุนมากขึ้นต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่านี้ ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา ข้อมูลต่างๆที่เฟดได้รับต่างบ่งชี้ว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดจากความตึงเครียดทางการค้า และความวิตกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ยังคงถ่วงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ"
ทั้งนี้ ในการสำรวจล่าสุด พบว่า FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า มีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.25-2.50% และมีโอกาส 7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.75-2.00%
หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. ตามการคาดการณ์ ก็จะถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของเฟดด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยเฟดไม่เคยดำเนินการดังกล่าวนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในปี 2551