นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดควรใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เนื่องจากเกิดภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตรสหรัฐ
"เกิดภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตร ขณะที่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเส้นหนึ่งได้สูงกว่าเส้นอื่น ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนี้" นายบูลลาร์ดกล่าว
ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อวานนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ดีดตัวขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ครั้งนี้นับเป็นการเกิด inverted yield curve เป็นครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึง 2 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า มาตรการของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจช้าเกินไปที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลแสดงว่า ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปีในเดือนส.ค. ขณะที่สงครามการค้ากำลังส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552
มาร์กิตเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ยอดขายจากการส่งออกร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2552
นอกจากนี้ ผู้ผลิตยังคงลดจำนวนสินค้าในสต็อก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ในอนาคต
นายทิม มัวร์ นักวิเคราะห์ของมาร์กิต ระบุว่า บริษัทในภาคการผลิตยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และตัวเลขในเดือนส.ค.เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในไตรมาส 3