นักวิเคราะห์ระบุว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 12 ก.ย. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า มีแนวโน้ม 80% ที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.20% ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ขณะเดียวกัน ยูโรดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 เดือนเทียบดอลลาร์ในวันนี้ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ กล่าวหาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่า เมินเฉยต่อการร่วงลงของยูโร ซึ่งทำให้ประเทศในยุโรปได้เปรียบทางการค้าต่อสหรัฐ
"ยูโรกำลังดิ่งลงอย่างบ้าคลั่งเทียบดอลลาร์ ทำให้พวกเขาส่งออกได้อย่างมาก และมีความได้เปรียบในการผลิต ขณะที่เฟดไม่ได้ทำอะไรเลย"
"เราไม่มีปัญหาเรื่องภาษี แต่เรามีปัญหาเรื่องเฟด ซึ่งพวกเขาช่างไม่รู้เรื่องอะไรเสียเลย" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ในการประชุมนโยบายการเงินรอบที่แล้วในวันที่ 25 ก.ค. ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นอกจากนี้ ECB ระบุว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลง อย่างน้อยจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563
"กรรมการบริหารของ ECB ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมระบบการเงินยุโรปทำการศึกษาทางเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงแนวทางการชี้นำนโยบายการเงิน, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่" แถลงการณ์ของ ECB ระบุ
แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือทำการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนก.ย.
ทางด้านนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวในการแถลงข่าวว่า การใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่ยังคงมีความสำคัญ เพื่อรับประกันว่าสภาวะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง และเอื้อต่อการขยายตัวของยูโรโซน
นายดรากียังระบุว่า กรรมการ ECB ทุกคนเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป