นายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในอนาคต แม้ว่าขณะนี้เฟดยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับความเสี่ยงในการใช้นโยบายดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางกำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับติดลบ จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ซึ่งนำเงินฝากมาพักไว้ที่ธนาคารกลาง ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารกลาง ทำให้ธนาคารพาณิชย์เลือกที่จะนำเงินไปปล่อยกู้กับภาคธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว
อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินบางส่วนยังมีความไม่มั่นใจต่อการใช้เครื่องมือดังกล่าว เนื่องจากเชื่อกันว่าการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่องบดุลของธนาคาร ซึ่งจะลุกลามไปกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่เฟดก็มีความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าว
เฟดระบุว่า ระบบการเงินของสหรัฐมีความแตกต่างอย่างมากจากกลุ่มประเทศที่มีการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในขณะนี้ และอัตราดอกเบี้ยติดลบจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของตลาด และเสถียรภาพทางการเงินในสหรัฐมากกว่าในต่างประเทศ
แต่นายแฮตซิอุซเชื่อว่า สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต
"ยังคงมีความไม่เชื่อมั่นในสหรัฐ และผมคิดว่าพวกเขาจะเลือกใช้เครื่องมืออื่นก่อน แต่หลังจากนี้เพียงไม่กี่ปี ผลของการถกเถียงในเรื่องนี้ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในยุโรปซึ่งจะแสดงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือดังกล่าว" นายแฮตซิอุซกล่าว
ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ที่ระดับ 1.50-1.75% และเฟดส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในปีนี้