นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ โดยระบุว่า BOJ จะดำเนินการผ่อนคลายการเงินเพิ่มอีก หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น ในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด
นายคุโรดะยังกล่าวด้วยว่า การที่อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะดีดตัวขึ้นแตะระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% นั้น ต้องใช้เวลามากขึ้น
ทั้งนี้ นายคุโรดะกล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยทำให้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ซึ่ง BOJ จะจับตาผลกระทบของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด
นายคุโรดะยังกล่าวด้วยว่า BOJ จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมาย
ถ้อยแถลงของนายคุโรดะมีขึ้นหลังจากที่ประชุม BOJ มีมติ BOJ) ผ่อนคลายการเงินเพิ่มในวันนี้ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเพดานการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และเดินหน้าขยายโครงการซื้อสินทรัพย์ โดยมีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
BOJ ระบุในแถลงการณ์ว่า BOJ จะยกเลิกเพดานการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลรายปีในวงเงิน 80 ล้านล้านเยน (7.45 แสนล้านดอลลาร์) และจะเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน
ขณะเดียวกัน BOJ ได้ตัดสินใจปรับเพิ่มเป้าหมายการซื้อหุ้นกู้ และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) รายปี เป็น 20 ล้านล้านเยน จนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปีนี้ จากระดับ 7.4 ล้านล้านเยนที่เคยประกาศซื้อในเดือนมี.ค. เพื่อช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ BOJ ยังได้สนับสนุนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน ด้วยการขยายขอบข่ายการรับหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้เป็น 23 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนมี.ค. จากระดับ 8 ล้านล้านเยนซึ่งได้มีการกำหนดในการประชุมเดือนที่แล้ว