กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 3.17 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.05 ล้านราย
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานโดยรวมพุ่งขึ้นสู่ระดับ 33.5 ล้านรายในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆในช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค.เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานในวันนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วง 7 สัปดาห์ดังกล่าว
ส่วนในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะดิ่งลง 21.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 16%
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 701,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2560 หลังจากแตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ จะเป็นหนึ่งในตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
"อัตราการว่างงานจะพุ่งสูงมาก โดยอาจสูงกว่า 20%" นายบูลลาร์ดกล่าว
นายบูลลาร์ดกล่าวเสริมว่า ผลกระทบส่วนใหญ่จากการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 จะปรากฎในไตรมาส 2 แต่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาส 3 ขณะที่อัตราการว่างงานจะกลับสู่ตัวเลขหลักเดียวในไตรมาส 4 ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น