นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวถึงโครงการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนของเฟดว่า ในท้ายที่สุดแล้ว เฟดจะเข้าซื้อหุ้นกู้ของบริษัทต่างๆโดยตรง แทนการเข้าซื้อผ่านกองทุน ETFs
"เมื่อเวลาผ่านไป เราจะค่อยๆถอยห่างจากกองทุน ETFs และเข้าซื้อหุ้นกู้ของบริษัทต่างๆ ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นเครื่องมือที่ดีกว่าในการเพิ่มสภาพคล่อง และสนับสนุนการทำงานของตลาด" นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้
ก่อนหน้านี้ เฟดประกาศในเดือนมี.ค.ว่า เฟดจะเปิดตัว 2 โครงการเพื่อให้เฟดมีบทบาทในตลาดหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีมูลค่า 9.6 ล้านล้านดอลลาร์ โดยโครงการแรกนั้น เฟดจะเข้าซื้อหุ้นกู้โดยตรงจากบริษัทต่างๆ ส่วนโครงการที่ 2 เฟดจะเข้าซื้อหุ้นกู้ผ่านทางกองทุน ETFs ซึ่งมีการติดตามดัชนีหุ้นกู้ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ดี เฟดถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกรณีที่ซื้อหุ้นกู้ของบริษัทที่ถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับน่าลงทุน หรืออยู่ในอันดับ"ขยะ" โดยเฉพาะบริษัทที่ถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่น่าลงทุนก่อนเผชิญวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ก่อนที่จะถูกปรับลดสู่อันดับ"ขยะ"หลังจากนั้น
"ตลาดกำลังทำงาน บริษัทต่างๆสามารถกู้ยืมเงิน โดยไม่มีภาวะตึงตัวทางการเงิน ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการปรับลดค่าใช้จ่าย" นายพาวเวลกล่าว
นอกจากนี้ ประธานเฟดกล่าวย้ำว่า เฟดจะยุติการใช้เครื่องมือต่างๆ ซึ่งรวมถึงโครงการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชน หากไม่มีความจำเป็นในการสนับสนุนตลาดอีกต่อไป
นอกจากโครงการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนแล้ว เฟดยังได้ทำการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอย่างต่ำ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์