ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 9-10 มิ.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดควรจะมีคำอธิบายที่ชัดเจนมากขึ้นให้กับตลาดการเงิน เกี่ยวกับแนวทางในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้ตลาดได้รับทราบข้อมูลมากขึ้นว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เฟดจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0% หรือต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ควรสื่อสารให้ตลาดรับรู้ "สัญญาณชี้นำทิศทางนโยบายการเงิน (Forward Guidance) เกี่ยวกับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด และควรให้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการซื้อหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลัง และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) รวมทั้งให้ข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ" รายงานการประชุมระบุ
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า การซื้อสินทรัพย์จะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และยังเป็นเครื่องมือชั้นดีในการรักษาเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve) ให้อยู่ในแนวราบ ขณะที่กรรมการเฟดส่วนหนึ่งกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องผลักดันให้มีการใช้เครื่องมืออื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้ เช่น การควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve control) ซึ่งจะช่วยควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาว
อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดบางคนเตือนว่า การที่เฟดให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นเวลานานนั้น อาจสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพด้านการเงิน
ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า มีโอกาสอย่างมากที่จะเกิดการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 และยังระบุว่า มีความเสี่ยงที่มาตรการการคลังในการให้ความช่วยเหลือภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาลท้องถิ่น อาจจะไม่เพียงพอ
ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 9-10 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยืนยันว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของราคา
ขณะเดียวกัน เฟดจะยังคงเพิ่มการถือครองพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้น 5% ในปี 2564 และเฟดยังส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% จนถึงปี 2565