ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 15-16 มิ.ย. ในวันนี้ โดยกรรมการ BOJ แสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจเผชิญภาวะเงินฝืด แต่ยืนยันว่า BOJ จะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทต่างๆล้มละลายเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19
รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการบางรายของ BOJ กล่าวว่า หน้าที่ของ BOJ คือการจัดหาสภาพคล่อง ขณะเดียวกันผลกระทบของโควิด-19 มีแนวโน้มจะคงอยู่อีกเป็นเวลานาน ซึ่งบริษัทจำนวนมากอาจเสี่ยงที่จะล้มละลายแม้จะได้รับการอัดฉีดสภาพคล่องก็ตาม
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการหลายรายแสดงความกังวลต่อโอกาสฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อบริษัทในทุกภาคส่วน โดยถ้ามีบริษัทล้มละลายและปิดตัวลงเพิ่มขึ้นอีก ญี่ปุ่นก็เสี่ยงจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดได้
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังแสดงความกังวลว่า ถ้าเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบสอง กิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอาจจะหดตัวลงอย่างรุนแรง
สำหรับการประชุมเมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุม BOJ มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ โดยได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% พร้อมกับคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ไว้ที่ระดับ 0% นอกจากนี้ BOJ ยังประกาศขยายวงเงินในโครงการเงินกู้สำหรับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จาก 75 ล้านล้านเยน เป็น 110 ล้านล้านเยน
ขณะเดียวกัน BOJ ได้ขยายวงเงินในโครงการเงินกู้สำหรับภาคเอกชน หลังจากเมื่อเดือนพ.ค. BOJ ได้ตัดสินใจเปิดตัวโครงการเงินกู้ปลอดอัตราดอกเบี้ย วงเงิน 30 ล้านล้านเยนให้กับบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง และยังได้จัดสรรเงินกู้วงเงิน 25 ล้านล้านเยนให้กับบริษัทขนาดใหญ่ นอกเหนือไปจากการเข้าซื้อหุ้นกู้ และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านล้านเยน