นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 30% ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ส่วนเฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 32% ในไตรมาส 3 หลังจากหดตัวลง 31.7% ในไตรมาส 2 อันเนื่องจากมาตรการชัตดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายบูลลาร์ดกล่าวว่า การทะยานขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 จะช่วยให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น และทำให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังคาดว่า อัตราว่างงานจะปรับตัวลงสู่ระดับ 6.5% ในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นระดับที่ดีกว่าตัวเลขเฉลี่ยที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ที่ระดับ 7.6%
ก่อนหน้านี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้ประกาศใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ขณะที่จะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ
การประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น
ก่อนหน้านี้ เฟดมีความเชื่อว่าอัตราว่างงานต่ำจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นจนถึงขีดอันตราย ทำให้เฟดดำเนินการล่วงหน้าด้วยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อาจก่อตัวขึ้น
นายพาวเวลกล่าวว่า เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" จะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%