นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยกล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงมีความไม่แน่นอนสูงมาก และมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง ขณะเดียวกันหลายประเทศได้นำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้อีกครั้งเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเผชิญกับความไม่แน่นอน
นายคุโรดะยังกล่าวด้วยว่า ตลาดยังคงอยู่ในภาวะตื่นตระหนัก ดังนั้น BOJ จึงต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน BOJ จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายด้านการเงินต่อไป และไม่ลังเลที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น
ส่วนในเรื่องกำหนดเวลาการใช้โครงการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 นั้น นายคุโรดะกล่าวว่า "BOJ ยังไม่เปลี่ยนจุดยืนในการเปิดกว้างที่จะขยายโครงการดังกล่าวไปจนถึงเดือนมี.ค. 2564 โดยจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหาก BOJ พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นและเหมาะสม ก็จะดำเนินการขยายโครงการดังกล่าวออกไป
สำหรับการประชุมในวันนี้ คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ระดับราว 0%
นอกจากนี้ BOJ จะเดินหน้าเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากบรรดาสถาบันการเงินโดยไม่จำกัดจำนวน และเข้าซื้อกองทุน ETF รายปีในอัตรา 12 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ในการประชุมครั้งนี้ BOJ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจและปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค.ปีหน้า
ทั้งนี้ BOJ คาดการณ์ว่า ในปีงบประมาณ 2563 เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวลง 5.5% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัว 4.7% ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลง 0.6% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ว่าจะลดลง 0.5%