ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) โดยระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ โดยเฟดเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษย์ และฉุดเศรษฐกิจของสหรัฐและทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างรุนแรง กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับในช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ อุปสงค์ที่อ่อนแอลง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ กำลังทำให้อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจากราคาผู้บริโภคปรับตัวลงด้วย อย่างไรก็ดี ภาวะทางการเงินโดยรวมยังคงปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนถึงมาตรการด้านนโยบายต่างๆ ที่นำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดสรรสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของสหรัฐ
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้านั้น จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มการแพร่ระบาดของไวรัส โดยวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ มีแนวโน้มที่จะฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อ ให้ทรุดตัวลงอย่างหนักในระยะเวลาอันใกล้นี้ และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางอย่างมีนัยสำคัญ
คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และพยายามหนุนอัตราเงินเฟ้อให้เคลื่อนไหวที่ระดับ 2% เป็นระยะเวลาที่นานขึ้น ทั้งนี้ จากการที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการจึงตั้งเป้าหมายที่จะให้อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 2% ในบางช่วงเวลา เพื่อให้อัตราเฉลี่ยของเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 2% และให้ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2% โดยคณะกรรมการจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
คณะกรรมการ FOMC ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% โดยคณะกรรมการคาดว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนกว่าภาวะตลาดแรงงานจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศัยภาพตามที่เฟดประเมินไว้ และอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2% และอยู่ในทิศทางที่จะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2% ในบางช่วงเวลา นอกจากนี้ ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เฟดจะเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลัง และหน่วยงานด้านที่อยู่อาศัย รวมถึงหลักทรัพย์ด้านการพาณิชย์ที่มีหนี้จำนองค้ำประกัน อย่างน้อยเท่ากับอัตราในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนให้ตลาดต่างๆ ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น และช่วยสนับสนุนภาวะด้านการเงินให้เป็นไปในลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยให้สินเชื่อไหลเวียนไปสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
ส่วนในการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการจะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการจะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆ ของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการจะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลด้านสาธารณสุข ภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ
สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, มิเชล ดับเบิลยู โบวแมน, ลาเอล เบรนาร์ด, ริชาร์ด เอช คลาริดา, แมรี ซี ดาลีย์, แพทริค ฮาร์เกอร์, โรเบิร์ต เอส แคปแลน, ลอเร็ตตา เจ เมสเตอร์ และแรนดัล เค ควอร์เลส