นายหวัง อี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า จีนมีแนวโน้มที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก เพื่อรักษาอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Leverage Ratio) ให้มีเสถียรภาพ
นายหวังกล่าวในระหว่างการประชุม China Development Forum ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ว่า "อัตราส่วนหนี้สินต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ช่วยลดความเสี่ยงในตลาดการเงินด้วย
ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนยังกล่าวด้วยว่า นโยบายการเงินของจีนยังคงอยู่ในกรอบที่เหมาะสม และธนาคารกลางมีเครื่องมือมากพอที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยเคลื่อนไหวในระดับปานกลาง นอกจากนี้ นโยบายการเงินของจีนยังพิจารณาถึงปัจจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยจะนำเงินในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนในพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) เพิ่มขึ้น และจะลดการลงทุนในสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมที่ปลดปล่อยคาร์บอนสูง
การแสดงความเห็นของนายหวังมีขึ้นก่อนที่ธนาคารกลางจีนจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.65% ในวันนี้ โดยธนาคารกลางจีนได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยทั้งสองประเภทติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 แล้ว
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางจีนจะตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ทั้งสองประเภทเอาไว้ที่ระดับเดิม หลังจากธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยโครงการ MLF เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ธนาคารกลางจีนใช้ในการบริหารจัดการสภาพคล่องระยะยาวในระบบธนาคาร และถือเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางของอัตราดอกเบี้ย LPR