นายโธมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนเม.ย.ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก ทำให้เฟดยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1,000,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.1% ในเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.8%
"ผมหวังที่จะเห็นตัวเลขที่แข็งแกร่งกว่านี้มาก ซึ่งตัวเลขจ้างงานในวันนี้ไม่ได้แสดงถึงความคืบหน้าอย่างมากที่เฟดต้องการเห็นก่อนที่จะทำการพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน" นายบาร์กินกล่าว
นายบาร์กินระบุว่า เขาคิดว่าตัวเลขจ้างงานที่ซบเซาดังกล่าวเกิดจากปัญหาด้านอุปทานในตลาด และความไม่สมดุลระหว่างแรงงานที่มีอยู่ในตลาดและตำแหน่งงานที่ต้องอาศัยความชำนาญ รวมทั้งการที่ผู้ปกครองยังคงต้องอยู่บ้านดูแลบุตร
นายบาร์กินกล่าวเสริมว่า การจ้างงานยังมีปัญหาจากการที่คนตกงานยังคงได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ทำให้แรงงานกลุ่มนี้ยังไม่ต้องการกลับเข้าตลาด
ทั้งนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยหนึ่งในมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การส่งเช็คเงินสดไปให้ผู้ที่ตกงานเป็นเงิน 300 ดอลลาร์/สัปดาห์จนถึงเดือนก.ย.
ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานที่ซบเซาในเดือนเม.ย.ทำให้เฟดยังมองไม่เห็นเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยเฟดจะรอจนกว่าจะมีความชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังกลับสู่ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
ก่อนหน้านี้ เฟดระบุในเดือนธ.ค.2563 ว่า เฟดจะยังไม่พิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยเฉพาะการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน จนกว่าเฟดจะเห็นความคืบหน้าอย่างมากในการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อแตะระดับ 2%