นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอนแลนตาเปิดเผยว่า เขาเป็น 1 ในกรรมการเฟด 7 คนที่คาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2565 เมื่อพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อไม่นานมานี้
นายบอสติกกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่าที่คาด และเศรษฐกิจยังคงอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
"ข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่มีการเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น และอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟด"
ทั้งนี้ นายบอสติกกล่าวว่า บนสมมติฐานของการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลข GDP ของสหรัฐจะขยายตัว 7% ในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ทำให้เขาเชื่อว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565
การแสดงความเห็นของนายบอสติกเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า เขาเป็นกรรมการเฟด 1 ใน 7 รายที่คาดว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
"ผมคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่จะพุ่งแตะ 3% ในปีนี้ และจะอยู่ที่ 2.5% ไปจนถึงปี 2565 โดยสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด" นายบูลลาร์ดกล่าว
ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในสัปดาห์ที่ผ่านมา กรรมการเฟดจำนวน 13 จาก 18 รายคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยส่งสัญญาณในเดือนมี.ค.ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566