ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารกลางจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่รอบคอบ ยืดหยุ่น และมีเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากจีนพยายามที่จะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ทำการควบคุมเศรษฐกิจที่พึ่งพาระบบดิจิทัล
เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ระบาด แต่ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ให้เห็นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง
กิจกรรมการผลิตในเดือนก.ค.ขยายตัวในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 17 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ซึ่งเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นครั้งแรกจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ขณะที่ยอดส่งออกใหม่หดตัวลง 3 เดือนติดต่อกัน
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตจีนอยู่ที่ 50.4 ในเดือนก.ค. ลดลงจาก 50.9 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ของภาคบริการจีนอยู่ที่ 53.3 ในเดือนก.ค. ลดลงจาก 53.5 ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว
การที่รัฐบาลจีนดำเนินการปราบปรามด้านกฎระเบียบกับบริษัทเอกชนหลายแห่งมานานหลายเดือน ได้ส่งผลให้บรรดาบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี และบริษัทที่มีอายุหลายสิบปีต้องดำเนินงานในสภาพแวดล้อมใหม่ที่ไม่มีความแน่นอน
ธนาคารกลางจีนระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ในวันนี้หลังจากการประชุมเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของนโยบายการเงินในช่วงครึ่งปีหลังโดยได้เรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซและบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ และระบุว่าจะยังคงดำเนินมาตรการกดดันในระดับสูงกับบริษัทที่เก็งกำไรในสกุลเงินดิจิทัล
ธนาคารกลางจีนระบุว่า จะให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจะไม่อัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมากเกินไปเข้าสู่ระบบ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังย้ำว่า จะรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่มีเสถียรภาพไว้ภายในช่วงที่เหมาะสมและสมดุล