ตลาดทั่วโลกจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันนี้
การประชุมปีนี้จะเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นปีที่ 2 เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ นายพาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "แนวโน้มเศรษฐกิจ" โดยเขามีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย
นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลมาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 4 หรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขา ก็จะขึ้นอยู่กับเนื้อหาในถ้อยแถลงของเขา
นักลงทุนคาดหวังว่า นายพาวเวลจะเปิดเผยโร้ดแมพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณในรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ว่า กรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้ จากปัจจุบันที่เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวลมีเดิมพันสูงในปีนี้ เนื่องจากขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะต่ออายุการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของนายพาวเวลออกไปอีก 1 สมัยหรือไม่ ซึ่งหากนายพาวเวลประกาศปรับลดวงเงิน QE อย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเกิดความตื่นตระหนก และทรุดตัวลงอย่างหนักได้ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2556 ในสมัยของนายเบน เบอร์นันเก้ ซึ่งหากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงหลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวล ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของปธน.ไบเดนในการต่ออายุการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของนายพาวเวล
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายพาวเวลอาจเลือกที่จะพูดหรือไม่พูดเกี่ยวกับการปรับลด QE ในคืนนี้ ซึ่งหากเขาไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ตลาดก็จะจับตาการประชุมของเฟดในเดือนก.ย.ว่าจะส่งสัญญาณการปรับลด QE หรือไม่ หรือหากนายพาวเวลตัดสินใจพูดถึงการปรับลด QE ในคืนนี้ ก็เป็นที่คาดว่าเขาจะกล่าวด้วยความระมัดระวัง โดยจะกล่าวถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐ รวมทั้งเขาจะชี้แจงอย่างชัดเจนว่าการปรับลด QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งนายพาวเวลเคยส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า หากเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะเกิดขึ้นหลังสิ้นสุดการปรับลด QE เป็นระยะเวลาพอสมควร
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ไบเดนกำลังหารือกับทีมเศรษฐกิจเกี่ยวกับการแต่งตั้งประธานเฟดอย่างรอบคอบ และคาดว่าปธน.ไบเดนจะเลือกผู้ที่เขาเชื่อว่าจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ประกาศให้การสนับสนุนนายพาวเวลทำหน้าที่ประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 เมื่อนายพาวเวลครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งการได้รับเสียงสนับสนุนจากนางเยลเลนอาจทำให้นายพาวเวลมีโอกาสสูงที่จะได้รับความไว้วางใจจากปธน.ไบเดนให้ทำหน้าที่ประธานเฟดอีกสมัย
รายงานยังระบุด้วยว่า นางเยลเลน ซึ่งเป็นอดีตประธานเฟด ตระหนักว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความไม่แน่นอน และการเปลี่ยนตัวประธานเฟดในช่วงวิกฤตเช่นนี้ อาจสร้างความวิตกกังวลต่อหลายฝ่ายรวมทั้งตลาดการเงิน
นายพาวเวลเข้ารับตำแหน่งประธานเฟดในเดือนก.พ.2561 โดยอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอชื่อนายพาวเวลให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อจากนางเยลเลน ขณะที่ตลาดการเงินในเวลานั้นมองว่า นายพาวเวลถือเป็น "ทางเลือกที่ปลอดภัย" สำหรับฝ่ายบริหารของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากนายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบสังกัดพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางของนางเยลเลน