นายเจย์ ไบรสัน หัวหน้านักวิเคราะห์จากเวลส์ ฟาร์โก ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า "เราเชื่อว่าเฟดจะประกาศลด QE ในการประชุมเดือนพ.ย. หรืออาจจะเดือนธ.ค. นอกเสียจากว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า"
นายไบรสันยังกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันที่ 22 ก.ย.นี้ โดยจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE เมื่อใด
นอกจากนี้ นายไบรสันกล่าวว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลแรงงานประจำเดือนก.ย.ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะใช้เวทีสาธารณะเพื่อแสดงความเห็นตลอดทั้งเดือนต.ค. เพื่อส่งสัญญาณว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมเดือนพ.ย.นี้
ทางด้านนายโจเซฟ บรูซูลาส หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทอาร์เอสเอ็ม ยูเอสคาดการณ์ว่า คณะกรรมการ FOMC จะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มีต่องบดุลของเฟด เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ โดยเขากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้มาถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนโยบายเฟดอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ ตราบใดที่เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว
ขณะที่นายวิลเลียม ดัดลีย์ อดีตประธานเฟดสาขานิวยอร์กแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกหวั่นวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ แต่เรื่องนี้จะไม่ส่งผลให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการปรับลดวงเงิน QE