นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า แต่เขาแนะนำว่าคณะกรรมการเฟดไม่ควรมีปฏิกริยาต่อเงินเฟ้อมากเกินไป เนื่องจากเชื่อว่าการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น
นายแคชแครีกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "Face the Nation" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวานนี้ว่า "มีข้อมูลบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะพุ่งขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าก่อนที่จะชะลอตัวลงหลังจากนั้น อย่างไรก็ดี ผมมองว่าเฟดไม่ควรมีปฏิกริยามากเกินไปต่อปัจจัยชั่วคราวเหล่านี้ แม้ว่าการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็ตาม"
ทั้งนี้ นายแคชแครีคาดการณ์ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงเวลาที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงกลางปี 2565 นอกจากนี้ เขายังคงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากนั้น
ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 3 พ.ย. เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกับประกาศปรับลดวงเงินในโครงการ QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งการลดวงเงิน QE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565
สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนก.ย.