นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า เฟดควรเร่งเวลาในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี
"ผมคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินแบบคุมเข้มมากขึ้นในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า เพื่อที่เราจะจัดการความเสี่ยงของเงินเฟ้อได้อย่างเหมาะสม"
"เราสามารถดำเนินการให้เร็วขึ้น โดยเราสามารถเร่งปรับลดวงเงินในโครงการ QE ให้เร็วขึ้น หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสม" นายบูลลาร์ดกล่าว พร้อมระบุว่า เขาได้เสนอให้เฟดยุติโครงการ QE ในไตรมาสแรกของปีหน้า
การแสดงความเห็นของนายบูลลาร์ดมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนก.ย.
ในการประชุมเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เฟดประกาศว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการ QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการลดวงเงิน QE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565