นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวย้ำว่า เฟดจะดำเนินการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงช่วงกลางปี 2565 ขณะที่เฟดจะต้องตรวจสอบว่าอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงจะชะลอตัวลงตามที่เขาคาดไว้หรือไม่
"เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในปี 2556 ว่า ตลาดการเงินขานรับมากกว่ากับการค่อย ๆ ปรับลดวงเงินในโครงการ QE ขณะเดียวกันเราก็ได้เรียนรู้ว่า หากเรายุติโครงการ QE อย่างฉับพลัน ก็จะส่งผลกระทบในทางลบต่อตลาด"
"ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นควรที่จะทยอยปรับลดวงเงิน QE ไปจนกว่าโครงการดังกล่าวจะยุติลงอย่างสมบูรณ์ในช่วงกลางปี 2565 ขณะเดียวกันเราจะยังคงจับตาสถานการณ์เงินเฟ้อ และดูว่าการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมนั้นจะส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากเพียงใด โดยหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เราก็จะเริ่มพิจารณาเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" นายอีแวนส์กล่าวในระหว่างการประชุมทางไกลซึ่งจัดขึ้นโดยสมาพันธ์ธนาคารขนาดกลางแห่งอเมริกา (Mid-Size Bank Coalition of America) เมื่อวานนี้
การเปิดเผยไทม์ไลน์ของนายอีแวนส์สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางที่เฟดได้เปิดเผยในการประชุมเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย. โดยเฟดประกาศว่าจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการ QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการลดวงเงิน QE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565