นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศในการประชุมสัปดาห์นี้ว่า เฟดจะเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเป็นเวลานาน
ทิฟฟานี วิลดิง นักวิเคราะห์จากบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (PIMCO) กล่าวว่า "ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ของเราที่ว่า เฟดจะประกาศการเร่งปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ วิลดิงคาดว่า เฟดจะประกาศลดวงเงิน QE เดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มในเดือนม.ค. 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะประกาศเจตนารมณ์ในการยุติโครงการ QE ในเดือนมี.ค. 2565 ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 15 ธ.ค.นี้ตามเวลาสหรัฐ
"เรามองว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นอีกเป็นเวลานาน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค" วิลดิงกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2525 ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2534
การแสดงความเห็นของนักวิเคราะห์จาก PIMCO สอดคล้องกับที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. 2565 ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563
ด้าน FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในเดือนพ.ค.หรือมิ.ย. 2565 และมีแนวโน้ม 61% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า