ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.10% สู่ระดับ 2.85% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินจำนวน 2 แสนล้านหยวน (3.15 หมื่นล้านดอลลาร์)
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีขึ้นไม่นานหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4/2564 ของจีนขยายตัวเพียง 4% เนื่องจากเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีได้ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน
จีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในหลายเมือง ซึ่งรวมถึงเมืองเทียนจินและเมืองอันยาง ส่งผลให้เมืองเทียนจินประกาศล็อกดาวน์เป็นบางส่วน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID นอกจากนี้ จีนได้ประกาศล็อกดาวน์เมืองอันยางอย่างเต็มรูปแบบ โดยสั่งห้ามประชาชนไม่ให้ออกจากบ้าน และบริษัทเอกชนทุกแห่งในเมืองอันยางได้ถูกสั่งให้ระงับการดำเนินงาน จนกว่าความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนในเมืองอันยางถูกขจัดให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
การแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 4.3% จากเดิมที่ระดับ 4.8% โดยระบุว่ารัฐบาลจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
นักวิเคราะห์จากบริษัท Guosheng Securities กล่าวว่า การที่จีนตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง และการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะฉุดต้นทุนการกู้ยืมให้ลดลงเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของจีนยังสวนทางกับจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ