นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ออกมาระบุว่า BOJ ต้องคงนโยบายการเงินผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างชัดเจน โดยปฏิเสธการคาดการณ์ว่า BOJ อาจดำเนินการตามแนวทางเชิงรุกมากยิ่งขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางในยุโรป
ทั้งนี้ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นได้ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึง เฟดและธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดวิกฤตและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายคุโรดะกล่าวว่า เงินเฟ้อในญี่ปุ่นนั้นยังคงอ่อนแอ เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างล่าช้า และสาธารณชนยึดติดกับทัศนคติภาวะเงินฝืด โดยภาคครัวเรือนและบริษัทคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะไม่ปรับขึ้นมากนัก
"ค่าจ้างในญี่ปุ่นไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก โดยยากที่จะเห็นเงินเฟ้อบรรลุเป้าหมาย 2% อย่างต่อเนื่อง นอกจากว่าค่าจ้างจะปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับราคา การใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายต่อไปถือเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจ ตลอดจนช่วยผลักดันการเติบโตของค่าจ้างและราคา" นายคุโรดะกล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งถูกมองว่าอยู่ในกลุ่มธนาคารกลางที่ชะลอมาตรการกระตุ้นล่าช้า ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการหันมายอมรับความเสี่ยงเงินเฟ้อ และเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการแถลงข่าวหลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) เนื่องจากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงของแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะในระยะใกล้ ขณะที่การขยายตัวของราคาในยูโรโซนเริ่มอยู่ในวงกว้างมากขึ้น