นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ พร้อมกับย้ำว่า เฟดควรดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
"ตัวเลขเงินเฟ้อกำลังพุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมายของเรา ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเรายังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และเราก็ยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ต่อไป ผมมองว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายน้อยลง" นายบูลลาร์ดกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.)
นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า "ผมไม่ได้พูดว่านั่นเป็นสิ่งจำเป็นที่เฟดจะต้องทำ แต่ผมแสดงความเห็นว่า เฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ และปล่อยให้กรรมการเฟดตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสม แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผมยังคิดว่าเรื่องนี้มีความจำเป็น และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ตลาดจะต้องเข้าใจความจำเป็นในการดำเนินการของเฟด"
การแสดงความเห็นของนายบูลลาร์ดสะท้อนให้เห็นจุดยืนของเขาที่ต้องการให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. และเขาต้องการเห็นเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคพุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% จากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค.
"ดัชนี CPI เดือนม.ค.สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งเรื่องนี้สร้างความกังวลให้กับผมและเฟด" นายบูลลาร์ดกล่าว