มอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 6 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 1.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรดาวาณิชธนกิจรายใหญ่คาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากในปี 2565 หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดได้เพิ่มแรงกดดันให้เฟดต้องดำเนินมาตรการคุมเข้มมากขึ้นเพื่อสกัดกั้นราคาที่พุ่งสูงขึ้น
นางเอลเลน เซนต์เนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หลังจากแนวโน้มเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลง เราคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 6 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับขึ้นครั้งละ 0.25%
รายงานของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายในเดือนมี.ค. ตามด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนพ.ค., มิ.ย., และก.ค. และจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในเดือนก.ย. และธ.ค.
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525 ส่งผลให้ตลาดคาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25%