ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มาร่วมประชุมกัน ณ กรุงปารีสในวันนี้ (24 ก.พ.) ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือในประเด็นวิกฤตยูเครน-รัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซน และทำให้ ECB ไม่สามารถยกเลิกนโยบายดอกเบี้ยติดลบได้
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมพร้อมก่อนที่ ECB จะประกาศการตัดสินใจในวันที่ 10 มี.ค. ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ECB จะยุติโครงการจัดซื้อพันธบัตร อันเป็นการปูทางสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปี เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม การที่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนในวันนี้ ได้ทำให้ความตั้งใจของ ECB อาจต้องเปลี่ยนทิศทางไป เนื่องจากราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะตลาดการเงินเผชิญกับความผันผวน และการค้าในยูโรโซนจ่อปรับตัวลง
วิกฤตการณ์ครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะดันให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นทันที ส่วนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจนั้นจะปรับตัวลง และอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนจะดีดตัวขึ้น เนื่องจากประเทศในยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซของรัสเซียเป็นสัดส่วนถึง 40% ของความต้องการในภูมิภาค
นายยานนิส สตอร์นาราส ผู้กำหนดนโยบายของ ECB เป็นบุคคลแรก ๆ ที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา โดยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ECB ควรเดินหน้าซื้อพันธบัตรต่อไปอย่างน้อยก็จนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเงินฝืดในระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งในวิกฤตยูเครน