นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ พร้อมกับคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 5 ครั้งในปีนี้ หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนได้ปรับลดคาดการณ์จำนวนครั้งที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เหลือเพียง 5 ครั้งๆ ละ 0.25% จากเดิม 7 ครั้ง โดยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในยูเครน
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดีดตัวแตะระดับ 1.25%-1.5% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.00%-0.25%
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ขณะที่จับตาวิกฤตการณ์ในยูเครน
นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะยังคงทำตามแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนได้สร้างความไม่แน่นอนอย่างมากต่อแนวโน้มในอนาคต
"สิ่งบ่งชี้สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐมีความไม่แน่นอนอย่างมาก และเราจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้
นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% แต่เฟดก็เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงขึ้น หากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายพาวเวลยังระบุว่า เฟดคาดหวังว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในปีนี้ ขณะที่ภาวะคอขวดของอุปทานผ่อนคลายลง