นายเบนจามิน ดิออคโน ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) เปิดเผยว่า ผลกระทบหลัก ๆ จากสถานการณ์สู้รบระหว่างยูเครนและรัสเซียนั้นที่มีต่อฟิลิปปินส์นั้น คือเรื่องราคาน้ำมันดิบที่พุ่งทะยานขึ้น
นายดิออคโนกล่าวว่า "ผลกระทบที่น่าจะหนักที่สุดจากการที่ราคาน้ำมันดิบไต่สู่ระดับ 120-140 ดอลลาร์/บาร์เรล อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.4-4.7% ในปีนี้"
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคปีนี้จะอยู่ที่กรอบเป้าหมายที่ 2-4%
นายดิออคโนยังระบุว่า "สำหรับผลกระทบต่อประเทศนั้น ชาวฟิลิปปินส์จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจทั่วโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน พลังงาน และอาหารที่เพิ่มขึ้น"
ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติฟิลิปปินส์ยังระบุว่า ธนาคารกลางมองว่าสงครามจะส่งผลกระทบที่ไม่รุนแรงนักต่อค่าเงินเปโซ โดยค่าเงินจะปรับตัวสอดคล้องกับค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค
อย่างไรก็ดี ค่าเงินเปโซเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2562 หลังจากที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ทะยานขึ้นแตะ 139 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีบุกยูเครน
นายดิออคโนกล่าวว่า แบงก์ชาติฟิลิปปินส์มีเครื่องมือเสริมสภาพคล่องหลายอย่าง ที่สามารถนำออกมาใช้หากสภาพคล่องของประเทศเกิดภาวะตึงตัวอย่างไม่คาดคิดหรือไร้ระเบียบ