นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และอยู่ในสถานะที่ดีพอที่จะรับมือกับการคุมเข้มนโยบายการเงิน
"การที่อัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมาย 2% อย่างมีเสถียรภาพนั้น อาจต้องใช้เวลานานกว่าคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจ" นายพาวเวลกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (16 มี.ค.)
นายพาวเวลเตือนว่า ผลกระทบจากการที่รัสเซียใช้กำลังทหารโจมตียูเครนนั้น ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความไม่แน่นอนในระดับสูงมาก นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ อันเป็นผลมาจากการรุกรานยูเครนนั้น จะเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อสหรัฐในระยะใกล้นี้
นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า ภาวะติดขัดด้านอุปทานเกิดขึ้นในระดับที่รุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดหลายระลอกของโรคโควิด-19 ทั้งในสหรัฐและทั่วโลก นอกจากนี้ แรงกดดันด้านราคายังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อราคาสินค้าและการบริการ
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 4.3% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2566-2567 สู่ระดับ 2.7% และ 2.3% ตามลำดับ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้