นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นยังไม่มีแนวโน้มที่จะเห็นอัตราเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมาย ของ BOJ ที่ระดับ 2% แม้ราคาพลังงานพุ่งขึ้นก็ตาม ซึ่งจะทำให้ BOJ ยังคงต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป
นายคุโรดะแถลงต่อรัฐสภาว่า "ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างมั่นคง จึงยังเร็วเกินไปที่จะหารือถึงรายละเอียดเพื่อยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย"
การแถลงของนายคุโรดะตอกย้ำถึงมุมมองด้านนโยบายการเงินที่ต่างกันอย่างมากระหว่าง BOJ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี รวมถึงประกาศแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมด้วย
ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า อัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภคของญี่ปุ่นซึ่งอยู่ที่ 0.2% เมื่อเดือนม.ค. จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เกือบ 2% ตั้งแต่เดือนเม.ย. เนื่องจากผลกระทบจากการปรับลดค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นจะลดน้อยลง
อย่างไรก็ดี นายคุโรดะไม่คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2% นานพอที่จะสนับสนุนการยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงิน
"ผมคิดว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่เอื้อให้เงินเฟ้อแตะเป้าหมายที่ระดับ 2% ได้อย่างยั่งยืน แม้ว่าผลกระทบจากการลดค่าโทรศัพท์จะลดลง และราคาพลังงานจะพุ่งขึ้นก็ตาม" นายคุโรดะกล่าว และเสริมว่า เมื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% แบงก์ชาติจะพิจารณายุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ และจะเปิดเผยแผนการในลำดับต่อไป
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ในการประชุมนโยบายการเงินซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันศุกร์นี้ (18 มี.ค.) BOJ จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม และเตือนถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นจากวิกฤตยูเครน