ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraloose Monetary Policy ) ในการประชุมวันนี้ตามคาด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายของ BOJ และวิกฤตการณ์ยูเครนได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
หลังเสร็จสิ้นการประชุมระยะเวลาสองวันในวันนี้ คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ประมาณ 0%
นอกจากนี้ BOJ จะยังคงซื้อกองทุน ETF วงเงินไม่เกิน 12 ล้านล้านเยน (1.01 แสนล้านดอลลาร์) ต่อปี
คณะกรรมการ BOJ ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า BOJ มีมุมมองที่เป็นบวกน้อยลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ก็คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสดซึ่งมีความผันผวนนั้น จะปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากราคาพลังงานพุ่งขึ้นอย่างมาก
การตัดสินใจคงนโยบายการเงินของ BOJ ในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า BOJ ไม่ดำเนินนโยบายการเงินตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางรายอื่น ๆ ในยุโรปที่ต่างก็เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้ผลกระทบจากสงครามในยูเครนจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอ่อนแอลงก็ตาม
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% เมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในปีนี้
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งติดต่อกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรในไตรมาส 3 ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยจะปูทางสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ