นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้โดยระบุว่า BOJ ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นในการคุมเข้มนโยบายการเงิน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์
นายคุโรดะกล่าวว่า ผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินเยนที่มีต่อเงินเฟ้อนั้น "อยู่ในระดับที่เล็กน้อยมาก" และยังกล่าวด้วยว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินจะยังคงเป็นเรื่องจำเป็น แม้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2% ในเดือนเม.ย. หรือหลังจากนั้น
ทั้งนี้ นายคุโรดะเชื่อว่า ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นและสหรัฐหรือยุโรปที่ปรับตัวกว้างขึ้นนั้น จะไม่ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงในทันที
สำหรับการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ คณะกรรมการ BOJ มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraloose Monetary Policy ) เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายของ BOJ และวิกฤตการณ์ยูเครนได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ประมาณ 0% นอกจากนี้ BOJ จะยังคงซื้อกองทุน ETF วงเงินไม่เกิน 12 ล้านล้านเยน (1.01 แสนล้านดอลลาร์) ต่อปี
คณะกรรมการ BOJ ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า BOJ มีมุมมองที่เป็นบวกน้อยลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ก็คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสดซึ่งมีความผันผวนนั้น จะปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากราคาพลังงานพุ่งขึ้นอย่างมาก
การตัดสินใจคงนโยบายการเงินของ BOJ ในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า BOJ ไม่ดำเนินนโยบายการเงินตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางรายอื่น ๆ ในยุโรปที่ต่างก็เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้ผลกระทบจากสงครามในยูเครนจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอ่อนแอลงก็ตาม