นายโกชิ คาทาโอกะ สมาชิกคณะกรรมการกำกับนโยบายธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ออกมาเรียกร้องในวันนี้ ให้มีการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเนื่องจากปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% นั้นยังคงอ่อนแอ ขณะที่ผลกระทบจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบและโภคภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ นั้นมีแนวโน้มจะเป็นไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดเปิดเผยคำเตือนของนายคาทาโอกะขณะเข้าร่วมการประชุมกับเหล่าผู้นำธุรกิจท้องถิ่นในจังหวัดอาโอโมริผ่านทางระบบออนไลน์ว่า ภาวะคอขวดด้านอุปทานอันยืดเยื้อจากผลพวงของการระบาดของโควิด-19 และความเสี่ยงทางการเมืองหลังรัสเซียรุกรานยูเครนนั้นจะสร้างแรงกดดันขาลงต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
"เราจำเป็นต้องผลักดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้สำเร็จและบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อโดยเร็ว โดยอาศัยการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม" นายคาทาโอกะกล่าว
นายคาทาโอกะระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1.5% ชั่วคราว โดยดัชนี CPI พื้นฐานในเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 0.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งได้รับแรงหนุนจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
มีการคาดการณ์กันว่า BOJ จะเป็นธนาคารกลางสำคัญแห่งสุดท้ายที่จะหวนกลับมาใช้นโยบายการเงินปกติ โดยนโยบายที่แตกต่างไปจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561 ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มความลำบากให้กับญี่ปุ่นซึ่งขาดแคลนทรัพยากรและผู้บริโภคที่อ่อนไหวต่อราคา เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น