นายไรอัด ซาลาเมห์ ผู้ว่าการธนาคารกลางเลบานอน ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวที่ว่าธนาคารกลางเลบานอนได้ล้มละลาย ตามที่นายซาอัด ชามิ รองนายกรัฐมนตรีเลบานอน ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
"ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า ธนาคารกลางเลบานอนได้ล้มละลายนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด" แถลงการณ์ของนายซาลาเมห์ระบุ
นายซาลาเมห์กล่าวว่า ธนาคารกลางยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้มาตรา 70 ของกฏหมายการเงิน ซึ่งระบุว่าธนาคารกลางมีหน้าที่รักษาความน่าเชื่อถือของสกุลเงินเลบานอน และรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
แถลงการณ์ของนายซาลาเมห์มีขึ้น หลังจากที่นายซาอัด ชามิ รองนายกรัฐมนตรีเลบานอน ประกาศว่า สาธารณรัฐเลบานอนและธนาคารกลางเลบานอนได้ล้มละลายแล้ว และรัฐบาลกำลังเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบต่อประชาชน
นายชามิกล่าวว่า การเจรจากับ IMF ดังกล่าวได้รวมถึงการปรับโครงสร้างระบบธนาคาร, แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ, การอนุมัติงบประมาณ รวมทั้งการออกกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเงินทุน
ก่อนหน้านี้ เลบานอนได้เผชิญวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ ส่งผลให้ประเทศขาดแคลนสกุลเงินตราต่างประเทศอย่างหนัก
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางการเงินได้กล่าวหาธนาคารพาณิชย์ของเลบานอนว่าได้นำเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศของลูกค้าไปฝากไว้ที่ธนาคารกลางเพื่อแลกกับการได้รับอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางเลบานอนก็ได้นำเงินฝากดังกล่าวไปหนุนค่าเงินปอนด์ของเลบานอน และชดเชยการขาดดุลงบประมาณของประเทศ
ทั้งนี้ เลบานอนเผชิญวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจนับตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้ประเทศประสบภาวะขาดแคลนพลังงานและเวชภัณฑ์
ค่าเงินปอนด์เลบานอนได้ทรุดตัวลงถึง 90% ซึ่งได้บั่นทอนความสามารถของประชาชนในการเข้าถึงสินค้าพื้นฐาน รวมทั้งอาหาร น้ำ ระบบสาธารณสุข และการศึกษา รวมทั้งเกิดกระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง อันเป็นผลจากการขาดแคลนเชื้อเพลิง
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จำกัดการถอนสกุลเงินต่างประเทศนับตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งมีสาเหตุจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจเลบานอนได้หดตัวลงเกือบ 60% ระหว่างปี 2562-2564 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิกฤตการเงินครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่