นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐขณะนี้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป และมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% จนแตะระดับ 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
นายบูลลาร์ดกล่าวในการประชุมทางไกลซึ่งจัดโดยสภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐในวันจันทร์ (18 เม.ย.) ว่า "สิ่งที่เราต้องทำในเวลานี้คือการทำให้อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะที่เป็นกลางและจากนั้นจึงเริ่มดำเนินการในลำดับต่อไป เรามองว่าเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีกว่าคาด และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่อัตราว่างงานซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 3.6% ก็มีแนวโน้มที่จะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 3%"
"แม้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่า 0.50% ไม่ใช่จุดยืนของผมในขณะนี้ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75%" นายบูลลาร์ดกล่าว พร้อมกับเสริมว่า เมื่อครั้งที่เฟดภายใต้การนำของนายอลัน กรีนสแปน ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 0.75% ในปี 2537 นั้น เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังสามารถขยายตัวได้เป็นเวลานานนับสิบปี
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ นายบูลลาร์ดย้ำว่า เขาสนับสนุนให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 3.5% ในปีนี้ โดยอ้างอิงถึงกฎเทย์เลอร์ (Taylor Rule) ซึ่งเป็นแนวทางที่นายจอห์น เทย์เลอร์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพัฒนาขึ้นโดยใช้อัตราเงินเฟ้อ, อัตราว่างงาน และการประมาณการเกี่ยวกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดกล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเฟดเพิ่งจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในการประชุมเมื่อเดือนมี.ค. โดยเขาคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่งกว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในปี 2565 และ 2566 รวมทั้งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 3%