ธนาคารกลางออสเตรเลียปิดเผยรายงานนโยบายการเงินรายไตรมาสในวันนี้ โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียมีแนวโน้มพุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลาง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนมิ.ย.
รายงานของธนาคารกลางออสเตรเลียระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.6% ภายในเดือนธ.ค.ปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.พ. และสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 2% - 3%
ขณะเดียวกันธนาคารกลางออสเตรเลียคาดว่า เศรษฐกิจภายในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 3% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 2.3% และคาดว่าจะขยายตัวแตะที่ระดับ 3.7% ภายในกลางปี 2567
การคาดการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนมิ.ย. หลังจากที่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% สู่ระดับ 0.35% ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.15% สู่ระดับ 0.25%
นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวว่า "คณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการในสิ่งที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อในออสเตรเลียจะกลับคืนสู่เป้าหมาย ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"
นักวิเคราะห์ในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.60% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และจากนั้นจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจนถึงระดับ 2.75% ภายในเทศกาลคริสต์มาสปีนี้
ผลสำรวจซึ่ง ANZ เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคออสเตรเลียร่วงลง 6.0% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดทั่วรัฐฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคกังวลว่า การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพ และอาจผลักดันให้ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจไม่เป็นผลดีต่อนายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ซึ่งกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ขณะที่โพลสำรวจความเห็นล่าสุดบ่งชี้ว่า นายมอร์ริสันอาจพ่ายแพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้