ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้ โดยส่งสัญญาณว่า RBA จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า หลังจากที่ปรับขึ้นไปแล้ว 0.25% ในการประชุมช่วงต้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 12 ปี
รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการ RBA ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.4% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคณะกรรมการมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 5%
"คณะกรรมการ RBA ได้อภิปรายกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.40% โดยพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมากในปัจจุบัน นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้พิจารณาถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.15% ด้วยแต่ท้ายที่สุดแล้วได้ปฏิเสธมุมมองดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงกว่านั้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ" รายงานการประชุมระบุ
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ RBA มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.35% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่า RBA จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.15% สู่ระดับ 0.25%
RBA ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมในวันดังกล่าวว่า นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ RBA จะเริ่มถอนมาตรการสนับสนุนทางการเงิน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเศรษฐกิจของประเทศใกล้จะบรรลุการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ
"คณะกรรมการบริหารของ RBA มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการในสิ่งที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อในออสเตรเลียจะกลับคืนสู่เป้าหมาย ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA กล่าว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการคาดการณ์ในวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมานั้นมีขึ้น หลังจากสำนักงานสถิติของออสเตรเลียรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นแตะระดับ 5.1% ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี
คณะกรรมการ RBA ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นนั้นมาจากการพุ่งขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ และปัญหาด้านซัพพลายเชนซึ่งรวมถึงผลกระทบจากสงครามในยูเครน โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอาหารพุ่งสูงขึ้น