ธนาคารกลางศรีลังกามีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 14.5% ในวันนี้ (19 พ.ค.) สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ธนาคารกลางจะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 3% โดยธนาคารกลางได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าศรีลังกากำลังเผชิญกับวิกฤตเงินเฟ้อและหนี้สินก็ตาม
รายงานระบุว่า การที่ธนาคารกลางศรีลังกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่สามารถทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงได้ โดยปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของศรีลังกาอยู่ที่ระดับสูงเกือบ 30% ขณะที่ประชาชนในประเทศยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนสินค้าตั้งแต่อาหารไปจนถึงเชื้อเพลิง เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินซื้อสินค้านำเข้าเหล่านี้
ศรีลังกากำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 74 ปีนับตั้งแต่ประกาศเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 2491 โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศที่ใช้ในการชำระค่านำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและยา ซึ่งจุดชนวนให้ความโกรธแค้นของประชาชนปะทุขึ้น และออกมาประท้วงตามท้องถนน
นายชีรัก เชท์ ที่ปรึกษาของบริษัทเมทัลส์ โฟกัสในกรุงลอนดอนคาดการณ์ว่า รัฐบาลศรีลังกาอาจจะนำทองคำออกมาขายอีกประมาณ 20% ในปีนี้ ในขณะที่ประชาชนก็ต้องนำเครื่องประดับออกมาขายเพื่อประทังชีวิต
ทั้งนี้ ความต้องการทองคำในศรีลังกาลดลงราว 1 ใน 3 จากระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก