นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ระบุว่า อาจต้องใช้เวลานานถึงสองปีเงินเฟ้อจึงจะลดลงแตะระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด พร้อมเสริมว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไปจากระดับปัจจุบัน
ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้กรรมการเฟดเกือบทุกคนสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบกว่า 25 ปีของเฟด โดยมีผู้คัดค้านเพียงรายเดียวคือนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้
"เงินเฟ้อจะยังไม่ลดลงมาแตะระดับ 2% ในทันที ต้องใช้เวลาประมาณสองปี โดยเงินเฟ้อจะลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไป" นางเมสเตอร์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส นิวส์ในวันอาทิตย์ (19 มิ.ย.)
อย่างไรก็ดี นางเมสเตอร์ไม่คิดว่าสหรัฐจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงก็ตาม
"เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอลงต่ำกว่าแนวโน้มการขยายตัวเล็กน้อย และอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ปัญหา เราต้องการให้อุปสงค์ชะลอตัวลงสอดคล้องกับอุปทาน" นางเมสเตอร์กล่าว โดยอ้างอิงถึงการคาดการณ์ของผู้เข้าร่วมการประชุม FOMC ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายเฟดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกรอบ 1.50% -1.75% สู่ระดับ 3.4% ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่เมื่อหนึ่งปีก่อน เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายส่วนใหญ่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับ 0% จนกระทั่งปี 2566
FOMC มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมวันพุธที่ 15 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537