ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book ในวันพุธ (13 ก.ค.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนพ.ค.จนถึงกลางเดือนก.ค. เนื่องจากการที่เฟดดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 20 ปีนั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
"หลายเขตของสหรัฐรายงานว่า มีสัญญาณบ่งชี้เพิ่มขึ้นว่าอุปสงค์ชะลอตัวลง และบริษัทเอกชนใน 5 เขตได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะถดถอย" เฟดระบุในรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจนถึงวันที่ 13 ก.ค.
รายงานยังระบุด้วยว่า ตัวเลขเงินเฟ้อในทุกเขตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทเอกชนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะยังคงเกิดขึ้นต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้
ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดต้องการรับฟังเสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจทั่วประเทศ เพื่อประเมินว่า ภาคธุรกิจมีมุมมองอย่างไรต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากที่เฟดเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี นอกจากนี้ ยังสูงกว่าระดับ 8.6% ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 8.8%