ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 77.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 22.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้ว่าองค์กรระดับโลกซึ่งได้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ออกรายงานเตือนว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียซึ่งรวมถึงจีนและอินเดีย ลงสู่ระดับ 4.6% ในปี 2565 จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.2% โดยระบุว่า "ความเสี่ยงที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียยังคงมาจากปัจจัยภายนอก ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก, การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง"
ขณะที่ IMF คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียในปี 2565 มีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับ 5.9% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6.3% โดยระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียเป็นไปอย่างล่าช้า และยังคงกดดันให้บรรดาธนาคารกลางในเอเชียใช้มาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เม็ดเงินทุนจะไหลออกจากภูมิภาค