นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. ถือเป็นข้อมูล "ในเชิงบวก" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
อย่างไรก็ดี นายอีแวนส์ระบุว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงอย่างยอมรับไม่ได้ และเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจากระดับ 2.25-2.50% ในปัจจุบัน สู่ระดับ 3.25-3.50% ในสิ้นปีนี้ และสู่ 3.75-4.00% ในช่วงสิ้นปีหน้า
ทั้งนี้ การปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 3.25-3.50% ในสิ้นปีนี้ บ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1.00% ในช่วงการประชุมนโยบายการเงินที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้
ขณะเดียวกัน นายอีแวนส์คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่ 4% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 3.75% ในกลางปีหน้า ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากนั้น