นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ระบุว่า หากข้อมูลใหม่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงแล้ว เฟดก็มีเหตุผลที่จะ "ถอยกลับ" จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย.
"ผมไม่คิดว่าเราได้เสร็จสิ้นภารกิจในการคุมเข้มทางการเงิน เพราะเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป แต่ถ้าข้อมูลใหม่ที่เข้ามาบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวแล้ว สิ่งนี้ก็จะทำให้เฟดมีเหตุผลที่จะถอยกลับจากการขึ้นดอกเบี้ย 0.75%" นายบอสติกระบุในบทความที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของเฟด
นอกจากนี้ นายบอสติกเตือนว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่แรงเกินไปอาจนำมาซึ่งความเสี่ยง
"การปรับขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไปหรือน้อยเกินไปล้วนมีความเสี่ยง โดยการปรับขึ้นน้อยเกินไปจะทำให้เงินเฟ้อกลับมาอีก แต่หากปรับขึ้นมากเกินไปก็จะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน" นายบอสติกระบุ
นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฟดจะยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค.