ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book ในวันพุธ (7 ก.ย.) โดยระบุว่า แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจอ่อนแอลงในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านั้น
รายงานของเฟดระบุว่า ในช่วงกลางเดือนมิ.ย.จนถึงเดือนส.ค.นั้น ราคาผู้บริโภคยังคงเร่งตัวขึ้นในทั้ง 12 เขต แม้ว่ามี 9 เขตที่รายงานราคาผู้บริโภคปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง นอกจากนี้ ธุรกิจส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่า ภาวะราคาที่อยู่ในระดับสูงนั้น จะยังคงยืดเยื้อต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้
"ทั้ง 12 เขตรายงานว่าราคาปรับตัวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาอาหาร ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค และค่าบริการที่พักอาศัย นอกจากนี้ ต้นทุนในด้านการผลิตและการก่อสร้างก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" รายงานระบุ
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า การที่เฟดประกาศสงครามกับเงินเฟ้อด้วยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของผู้บริโภคและภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น และจะทำให้เศรษฐกิจอ่อนแรงลง เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยจะกดดันให้บริษัทต่าง ๆ ต้องปรับลดการใช้จ่าย
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจทั่วทั้ง 12 เขตของสหรัฐมีความกังวลในเรื่องดังกล่าว โดยรายงาน Beige Book ระบุว่า แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตยังคงอ่อนแอในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (มิ.ย.-ส.ค.) ขณะที่ภาคธุรกิจคาดการณ์ว่า อุปสงค์จะชะลอตัวลงอีกในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า
"เขตส่วนใหญ่รายงานว่าการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนยังคงอ่อนแอ โดยประชาชนลดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย และหันไปเลือกซื้อเฉพาะอาหารและสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น" รายงานระบุ
ทั้งนี้ เฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) จะประชุมในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งนี้