นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสติกระบุในวันจันทร์ (26 ก.ย.) ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอังกฤษ รวมทั้งแผนการคลังของรัฐบาลชุดใหม่ได้จุดชนวนการเทขายเงินปอนด์อย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของอังกฤษ และอาจสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจแบบเป็นระลอกคลื่นไปทั่วยุโรปและสหรัฐ
"ปฏิกิริยาที่มีต่อข้อเสนอทางการคลังของอังกฤษเป็นความวิตกกังวลที่แท้จริง เพราะอาจเพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจ คำถามสำคัญคือเรื่องดังกล่าวนั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังอ่อนแออย่างไร ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ" นายบอสติกกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แผนลดภาษีที่เสนอโดยรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ แห่งอังกฤษนั้น ได้เพิ่มความเป็นไปได้ว่านโยบายการคลังของอังกฤษจะสวนทางกับความพยายามของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการลดเงินเฟ้อผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สัญญาณแบบไร้ทิศทางได้ฉุดให้ค่าเงินปอนด์ร่วงลง ซึ่งเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดเงินทั่วโลกที่กำลังรับมือกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วขึ้นและมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นายบอสติกระบุว่า เฟดจะยังคงมุ่งความสนใจไปที่การควบคุมเงินเฟ้อในสหรัฐเช่นเดิม โดยความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงนี้ รวมถึงตลาดปริวรรตเงินตราตั้งแต่อังกฤษไปจนถึงญี่ปุ่น อาจดำเนินต่อไปจนกว่าเฟดจะสามารถฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายได้