สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญต่างจับตามองการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ (27 ต.ค.) โดยส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ECB จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.75% นอกจากนี้ ยังจับตามองการประกาศนโยบายทางการเงินอื่น ๆ อีก 2 อย่าง ขณะที่เศรษฐกิจในยุโรปเข้าใกล้ภาวะถดถอย
นายโฮลเกอร์ ชเมียดิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเบเรนเบิร์กกล่าวเมื่อวันอังคาร (25 ต.ค.) ว่า "ECB มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และส่งสัญญาณปรับขึ้นเพิ่มอีกในการประชุมนโยบายครั้งต่อ ๆ ไป โดยไม่ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนว่าจะปรับเพิ่มกี่ครั้งหรือเพิ่มเท่าใด"
ทั้งนี้ เงินเฟ้อในเดือนก.ย.ของยุโรปอยู่ที่ 10% ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก่อนสิ้นปีนี้ และถ้า ECB ใช้ท่าทีแข็งกร้าวอย่างยิ่งด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ก็เสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงอีก
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของ ECB อยู่ที่ 0.75% และนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.5% ในเดือนธ.ค. โดยในปีนี้ ECB ปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 3 ครั้ง
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ยังจับตามองด้วยว่า ECB จะเริ่มลดขนาดงบดุล (QT) เมื่อไร และ ECB จะทำอย่างไรกับเงื่อนไขการกู้ยืมสำหรับธนาคารต่าง ๆ ในอนาคตอันใกล้ ที่ผ่านมา ECB ใช้การผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มาเป็นเวลาหลายปี โดยจะใช้การซื้อสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อกระตุ้นอุปสงค์หลังเกิดวิกฤตหนี้ยุโรปในปี 2554 และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563
นายเฟเดอริก ดูโครเซ็ท หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของ Pictet Wealth Management คาดการณ์ว่า ECB จะเริ่มทำ QT ในไตรมาส 2 ของปี 2566 ซึ่งหวังว่าจะ "คาดเดาได้ ค่อยเป็นค่อยไป และไม่ใช่เชิงรุก" โดยเริ่มจากการหยุดลงทุนใหม่ในโครงการซื้อสินทรัพย์ (Asset Purchase Programme ? APP) แต่ยังไม่ต้องเร่งขายพันธบัตรในเร็ว ๆ นี้